โลกดิจิตอลไร้สาย
หลายปีที่ผ่านมา เราคุ้นชินกับโลกดิจิตอลที่ทวีความเร็วสูงขึ้นทุกที จากโมเด็ม 56K กลายเป็นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (ADSL) จากที่เคยต่อเน็ตผ่านมือถือด้วยความเร็วที่แทบจะรับไม่ได้ของ GPRS ธรรมดาราว 40K กลายเป็น Edge ที่เร็วขึ้นอีก 3-4 เท่า สารพัดอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อเน็ตซึ่งเคยมีขนาดใหญ่จนต้องวางอยู่กับที่ เช่นเครื่องเดสก์ท็อปและโมเด็ม เริ่มเล็กลงและสามารถแบกหรือพกพาไปไหนต่อไหนได้สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค เน็ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน และแม้แต่เกมคอนโซลบางรุ่น ซึ่งนอกจากจะพกพาไปไหนๆได้แล้ว อุปกรณ์เหล่านี้รุ่นใหม่ๆยังเริ่มมีความเร็วในการต่อเน็ตสูงกว่าอุปกรณ์เดิมๆ ที่พกพาไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป ปัจจุบันมาตรฐาน 3G ใหม่สามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงถึง 7.2 เมกะบิต (ต่อวินาที) เทียบกับโฆษณาไฮสปีดอินเทอร์เน็ตที่โปรโมทกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบันในราคาเดือนละไม่กี่ร้อยบาท ซึ่งมีความเร็วเพียง 1-2 เมกะบิตเท่านั้น (สำหรับ ADSL ถ้าคุณอยากใช้ความเร็วสูงกว่านี้ บ้านจะต้องอยู่ห่างจากอุปกรณ์ที่ชุมสายไม่เกินประมาณ 1-2 กิโลเมตรเท่านั้น) ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่อุตส่าห์มีคนเอาเครื่องiPhone มาจับโปรแกรม Apache ยัดลงไป แล้วทำให้มันกลายเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์สำหรับให้บริการเรียกดูเว็บเพจแก่เครื่องอื่นๆ ทั่วโลก ทั้งๆ ที่ยังห้อยอยู่ข้างเอวหรือก้นกระเป๋าถือของคุณด้วยซ้ำ (บังเอิญว่าระบบของ iPhone มีพื้นฐานมาจาก Mac OS X และUnix จึงมีคนหาทางทดลองทำจนได้ เอาเข้าไป!)? หรือแอพพลิเคชั่นอีกหลายๆตัวที่ทำงานในแบบ real-time และส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ก็เริ่มจะมีใช้กันบนสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ที่รองรับระบบ 3Gกันบ้างแล้ว ตัวอย่างเช่น โปรแกรมวัดอัตราการเต้นของหัวใจและข้อมูลอื่นๆของคนไข้ เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามดูแลคนไข้ได้ตลอดจากระยะไกล อย่างที่ Apple ได้แสดงให้ดูในงานเปิดตัวเครื่อง iPhone 3GS และ firmware (OS) 3.0เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง คุณรู้หรือเปล่าว่าเครื่องเกมคอนโซลแบบพกพา PlayStation ของโซนี่นั้น สามารถเล่นเกมร่วมกับใครก็ได้ที่บังเอิญมานั่งอยู่ใกล้กันในรัศมีทำการของระบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นบนรถใต้ดิน ในม้านั่งในสวนสาธารณะ ในห้องเรียน (อันนี้คงไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่) และที่อื่นๆ
ในภาพรวมแล้วสิ่งต่างๆเหล่านี้บอกอะไรเราบ้าง อย่างที่ชัดที่สุดก็คือ เรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ จากเน็ตบ้านความเร็วสูงไปสู่เน็ตไร้สายที่เร็วยิ่งกว่า และสามารถใช้ได้ทุกหนทุกแห่งทั่วโลกโดยไม่จำเป็นต้องอยู่กับที่ ฟังดูคุ้นๆ มั้ยครับ ลองนึกถึงตอนที่โทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์พื้นฐาน ที่เคยหาเบอร์ได้ยากเย็นจนต้องซื้อขายกันเบอร์ละหลายหมื่นในบางพื้นที่ กลายเป็นของถูกที่ไม่มีคนสนใจ แจกฟรียังเหลือเลย (ส่วนพื้นที่ไหนที่ไม่มีสายมาเพราะลงทุนไม่คุ้มก็ยังไม่มีต่อไป เพราะมักจะสามารถใช้โทรศัพท์มือถือแทนได้อยู่แล้ว) ในทำนองเดียวกัน เน็ตไร้สายผ่านมือถือกำลังจะเข้ามาเป็นวิธีเชื่อมต่อหลักที่เราใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นระบบ 3G ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ หรืออาจรวมไปถึงWi-Fi และ Wi-Max เฉพาะในบางพื้นที่ที่ที่มีปริมาณการใช้งานหนาแน่น สาเหตุหนึ่งก็มาจากเหตุผลเดิม คือการลงทุนของการเดินสาย ADSL ไปให้ทั่วทุกพื้นที่นั้นไม่คุ้มค่า (จากข้อมูลของผู้ให้บริการมือถือรายหนึ่งบอกว่า ADSL ขยายเต็มที่แล้วก็ยังไม่มีทางครอบคลุมผู้ใช้ได้เกิน 5 ล้านรายทั่วประเทศ แล้วอีกกว่า 60 ล้านคนล่ะจะเอาเน็ตที่ไหนใช้?) ในขณะที่ 3G แค่ตั้งเสาแล้วลากสายไปให้ถึงเสาหรือสถานีฐานย่อยๆ จำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่ผมกำลังจะบอกให้คุณนึกถึงอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งอาจสำคัญกว่าเรื่องความคุ้มค่า ก็คือ คนเรานับวันจะอยู่ไม่เป็นที่เยอะขึ้น และอุปกรณ์ที่เป็นตัวสร้างข้อมูลสำหรับส่งผ่านอินเทอร์เน็ตก็มักจะอยู่ติดตัวเรามากกว่าอยู่กับที่ ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป ทั้งแบบ DSLR กล้องคอมแพ็ค กล้องในโทรศัพท์มือถือ รวมถึงกล้องวิดีโอ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นตัวอย่างที่ดี (ใครไม่เคยเอากล้องติดตัวไปไหนเลยยกมือขึ้น) ปกติคุณถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอแล้วก็ต้องเสียเวลาเอามาเข้าคอมหรือโน้ตบุ๊คก่อน แล้วค่อยอัพโหลดขึ้นเน็ต ถูกมั้ยครับ แต่จะง่ายกว่ามั้ยถ้าอุปกรณ์เหล่านั้นสามารถถ่ายแล้วอัพขึ้นเน็ตได้เลย (นอกจากคุณจะซีเรียสกับผลงานชนิดที่ต้องใช้เวลาและแรงงานในการปรับแต่งรูปหรือตัดต่อวิดีโอก่อน แต่คนส่วนมากคงจะไม่ทำ หรือถ้าทำก็ทำแบบง่ายๆที่โปรแกรมในอุปกรณ์เหล่านั้นมักช่วยได้ระดับหนึ่ง) ข้อความหรือ Blog ต่างๆ ก็เหมือนกัน มีโน้ตบุ๊คสักตัว นั่งที่ไหนก็คีย์เข้าไปแล้วส่งได้ หรือถ้าเป็นข้อความสั้นๆ อย่างคำบรรยายภาพ Chatหรือ Twitter คีย์บอร์ดเล็กๆในเครื่องมือถือสมาร์ทโฟนทั้งหลายก็เอาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ดจริงขนาดจิ๋ว หรือคีย์บอร์ดแบบบนจอทัชสกรีนก็ตาม ส่วนเสียงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะมันเป็นฟังก์ชั่นการทำงานพื้นฐานของโทรศัพท์มือถือทั่วไปอยู่แล้ว
ในอนาคตอันใกล้ เราคงจะได้เห็นข้อมูลดิจิตอล ภาพ เสียง วิดีโอ ข้อความ และอื่นๆ ถูกสร้างขึ้นจากอุปกรณ์ที่อยู่กับตัวเรา ส่งผ่านเครือข่ายไร้สายแบบต่างๆ ไปทั่วอินเทอร์เน็ต จนถึงผู้ดูหรือผู้รับปลายทางที่เชื่อมต่อผ่านระบบไร้สายเช่นเดียวกัน การใช้งานในระยะแรกคงจะมีการขลุกขลักอยู่บ้าง แต่หลังจากเวลาผ่านไป ความสะดวก คล่องตัว และเป็นอิสระจากสถานที่ จะทำให้เราคุ้นชินกับมันอย่างขาดไม่ได้ ถึงเวลานั้นการใช้งานเน็ตไร้สายก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นช่องทางหลัก เหมือนกับที่โทรศัพท์มือถือได้เปลี่ยนแปลงโลกและวิถีชีวิตของผู้คนไปอย่างที่เรานึกไม่ถึงในทุกวันนี้
ขอต้อนรับสู่โลกดิจิตอลไร้สายครับ